ดันไทย‘ดิจิตอลฮับ’อาเซียน
ถือเป็นวาระสำาคัญระดับชาติ จริง ๆ สำาหรับการเดินทางของ “แจ็ค หม่า” ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริหารกลุ่มบริษัทอาลีบาบา มาเยือน ไทย พร้อมร่วมเปิดศักราชการลงทุน ครั้งใหญ่ของกลุ่มอาลีบาบาในไทย หลังจากรัฐบาลได้ชักชวนอาลีบาบามา ลงทุนตั้งแต่ช่วงปี 59 ซึ่งหลายฝ่าย ต่างลุ้นกันว่า อาลีบาบาจะตัดสินใจมา ลงทุนในไทยจริงหรือไม่ ท่ามกลาง กระแสความสับสนว่า “อาลีบาบา” จะ หันไปลงทุนในมาเลเซียแทน แต่การ ปรากฏตัวของ “แจ็ค หม่า” ครั้งนี้ ถือ เป็นประจักพยานแล้วว่า “อาลีบาบา” ยังเชื่อมั่นที่จะเลือกลงทุนใน ไทยตามที่คุยกันไว้
ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 19 เม.ย. นายแจ็ค หม่า ได้เข้าหารือ ร่วมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำาสำานักนายกรัฐมนตรี และนายคณิศ แสง สุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ตึกนารีสโมสร ทำาเนียบรัฐบาล จากนั้น นายสมคิด ได้นำานายแจ็ค หม่า เข้าหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี
บิ๊กตู่ชี้ได้ประโยชน์2ฝ่าย
ในการหารือครั้งนี้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายก รัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายแจ็ค หม่า พร้อมจะเข้ามาสร้างคน สร้างระบบ อะไรต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุนไทยรวมถึงเรื่องการค้า ซึ่งตนได้บอกว่า รัฐบาลไทยต้องการให้อาลีบาบามาช่วยดูแลผู้มีรายได้น้อย และ เกษตรกร ซึ่งอาลีบาบาจะช่วยดูแลรูปแบบของเขา และมีระบบการนำา เข้าสินค้าให้สอดคล้องกับระบบ 4.0 และการหารือกันครั้งนี้ยังทำาความ ตกลงร่วมกันว่า ภายในปี 62 จะต้องทำาอะไรให้เกิดผลประโยชน์ร่วม กันทั้ง 2 ฝ่าย และยังได้ฝากให้ช่วยดูแลเรื่องขายปาล์ม ข้าว และ ยางพาราของไทย สิ่งเหล่านี้ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งทางอาลีบาบามีโรงเรียน สอนเรื่องธุรกิจ การค้าขายทางออนไลน์ (อี คอมเมิร์ซ) การพัฒนาผู้ ประกอบการเอสเอ็มอี ถือเป็นการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่ให้เขามา มุ่งเอาผลประโยชน์ทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว
“ไม่ใช่เพียงเรื่องที่เราจะเอาของไปขายเพียงอย่างเดียว แต่เรา ต้องสร้างระบบและคนของเราเข้าไป เป็นการทำาคู่ขนานด้วยกัน เป็น เรื่องระยะยาว และจะมีการลงทุนในเรื่องเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ท ซิตี้) และโครงการศูนย์สมาร์ท ดิจิตอล ฮับ ในโครงการอีอีซีเพื่อเชื่อมโยง กันทั้งหมด ซึ่งตนขอให้ช่วยดูเรื่องของสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน การทำา เกษตรแปลงใหญ่ ภาพที่นายแจ็ค หม่า พูดถึงระบบโลจิสติกส์ในการ ขนส่งสินค้าเกษตรไปได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเขาพร้อมให้บริการดังกล่าว ในการขนส่งสินค้าเกษตรของไทย เรื่อง นี้จึงถือเป็นผลประโยชน์ที่ประเทศไทย จะได้รับ อย่าไปคิดว่าไทยจะเสียเปรียบ อะไร และฝ่ายของนายแจ็ค หม่า ระบุว่า ไม่ได้มุ่งหวังเรื่องของ เศรษฐกิจ เพราะเขามีเพียงพอแล้ว ถึงมุ่งหวังที่จะมาช่วยผู้มีรายได้ น้อยและเกษตรกรรายย่อย ต้องช่วยคนที่แข่งขันไม่ได้ให้มีความ สามารถมากขึ้น นำาเข้ามาสู่การค้าออนไลน์”
หลังจากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรมได้ลง นามความร่วมมือกับอาลีบาบา 4 ฉบับ คือ โครงการจัดตั้งศูนย์สมาร์ท ดิจิตอล ฮับ ในพื้นที่อีอีซี เพื่อส่งเสริมการค้ากับจีน และกลุ่มซีแอลเอ็ม วี, โครงการร่วมส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านดิจิตอลอีคอมเมิร์ซสำาหรับผู้ ประกอบการเอสเอ็มอีไทย, โครงการอบรมพัฒนาดาวเด่นด้านดิจิตอล และได้เปิดตัวไทยไรซ์ แฟล็กชิพ สโตร์ บนเว็บไซต์ Tmall.com
ชี้เวลาทองลงทุนไทย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในพิธีลง นามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับอาลีบาบาว่า ช่วงนี้ เป็นจังหวะเหมาะสมอย่างยิ่งของการเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจาก เศรษฐกิจไทยกำาลังฟื้นตัวอยู่ในช่วงขาขึ้น มั่นใจปีนี้จะขยายตัวได้เกิน 4% แน่นอน ประกอบกับไทยยังมีนโยบายยกระดับเอสเอ็มอีไทยไปสู่ ดิจิตอลให้รวดเร็วที่สุด รวมทั้งการดำาเนินนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตร เพื่อไม่ให้เกษตรกรไทยย่ำาอยู่กับที่ ซึ่งที่ผ่านมาทางอาลีบาบาได้ทำาการ ศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบในระดับภูมิภาคและตัดสินใจที่จะลงทุนสร้าง ดิจิตอลฮับในพื้นที่อีอีซี เพราะมีความเชื่อมั่นนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยดิจิตอลฮับที่จะสร้างขึ้นนับเป็นกลไกสำาคัญที่จะช่วยเชื่อมโยงเอส เอ็มอีไทยทุกระดับ ทุกท้องถิ่น รวมถึงกลุ่มโอทอปและกลุ่มเกษตรกร ทั่วประเทศ ให้สามารถเข้าถึงตลาดจีนและตลาดโลก
“ช่วงที่มีข่าวการเดินทางของนายแจ็ค หม่า มาลงทุนในไทย ช่วง 2 วันที่ผ่านมา มียอดคำาสั่งซื้อทุเรียนของ ไทยเข้ามาแล้ว 60,000 รายการ ถือเป็นเรื่องที่ น่ายินดีมาก ซึ่งไทยยังมีเงาะ กล้วยหอม มะพร้าว ข้าวและสินค้าเกษตรอีกหลากหลาย ถ้าเราสามารถร่วมมือกันอย่างดี จะช่วยสร้าง โอกาสให้คนที่อยู่ห่างไกลและด้อย โอกาสให้มีรายได้และมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีขึ้น”
“แจ็คหม่า”ยันไม่กินรวบ
นายแจ็ค หม่า ประธาน กรรมการบริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป ระบุว่า จีนกำาลังก้าวขึ้นสู่การ เป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยการ ขยายตัวของกำาลังซื้อของคน ชั้นกลางที่มีจำานวนมากกว่า 300 ล้านคนในปัจจุบัน ประกอบกับ นโยบายเปิดการค้าเสรีของจีน คงไม่มีเวลาที่ดีกว่านี้อีกแล้ว ที่ประเทศต่าง ๆ จะใช้โอกาสนี้ในการส่ง สินค้าไปยังตลาดจีน ที่สำาคัญคือผลิตผลทางการเกษตรของไทย ไม่ว่า จะเป็นข้าวหอมมะลิ ทุเรียน หรือผลไม้ต่าง ๆ ล้วนเป็นสินค้าที่ชาวจีน ชื่นชอบ ด้วยจุดแข็งในเรื่องผู้คนและวัฒนธรรมของไทย ประกอบกับ นโยบายประเทศไทย4.0 ทำาให้มั่นใจในอนาคตและศักยภาพการเติบโต ของไทย โดยกลุ่มอาลีบาบายืนยันที่จะเป็นพันธมิตรในระยะยาวกับ ประเทศไทยในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่โลกดิจิตอล
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า การเข้ามาลงทุนของอาลีบา บาจะผูกขาดตลาดการค้าออนไลน์ในไทยนั้น ทางอาลีบาบายืนยันว่า เราไม่ได้ทำาธุรกิจที่มุ่งแสวงหากำาไรหรือผูกขาดทางการค้า แต่เราเน้น การสร้างความสามารถให้ธุรกิจและคนรุ่นใหม่ประสบความสำาเร็จ และ หากเราได้คนที่ประสบความสำาเร็จเข้ามาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ เราก็จะ สำาเร็จไปด้วยกัน การเข้ามาจะเป็นวินทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายไทย ทั้ง เกษตรกร เอสเอ็มอี คนไทย ฝ่ายจีน คือ อาลีบาบา และฝ่ายผู้บริโภค เอง ซึ่งตนมีเงินมากพอแล้ว ตนไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นหลัก อยากมอง เรื่องการพัฒนาไปร่วมกันมากกว่า โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รายเล็ก ๆ
“อาลีบาบาไม่ต้องการทำาสงครามทางการค้าไม่ว่ากับประเทศ ไหน เพราะเชื่อในการค้าเสรี จะทำาให้ทุกคนสามารถค้าขายกันได้ทั่ว โลก โดยอาลีบาบา มีเป้าหมายที่จะทำาให้โลกเกิดความสมดุล เท่าเทียม และเป็นธรรม และในที่สุดการค้าจะช่วยแก้ปัญหาการเมืองได้ โดยเรา ต้องการสร้างฐานข้อมูลด้านการค้าระบบออนไลน์ในกลุ่มประเทศ อาเซียนให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำาไปสู่การปฏิวัติอุตสาห กรรมในภูมิภาค”