‘ บ้านน้ำาทรัพย์’แหล่งเรียนรู้
วิถีพอเพียงที่ใครก็สัมผัสได้
เมื่อ พูดถึง “หมู่บ้านต้นแบบแห่งความสำาเร็จ” จากการรวมกลุ่ม ชุมชนที่เข้มแข็ง ที่น้อมนำาแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียง มาใช้เป็นแนวทางในการดำาเนินชีวิตแล้วละก็…คงไม่มีใครที่ไม่รู้ จัก “บ้านนำ้าทรัพย์” ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี อย่าง แน่นอน!! ชาวบ้านจำานวน 540 คน จาก 216 ครัวเรือน สามารถเปลี่ยน ชีวิตด้วยการน้อมนำา “ศาสตร์ของพระราชา” มาสร้างแรงบันดาลใจ และ เดินตามรอยพ่อ ด้วยวิถีแห่งความพอเพียง จนทำาให้ได้รับรางวัล พระราชทานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
จนทุกวันนี้… บ้านนำ้าทรัพย์ ได้กลายเป็น “แหล่งเรียนรู้” ที่ ในแต่ละเดือนแต่ละปี จะมีคณะบุคคลทั้งจากภาคเอกชน ภาคราชการ นักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชนคนธรรมดา หรือนักท่องเที่ยวเป็น จำานวนไม่น้อย ที่ได้เข้ามาเรียนรู้ มาทดลองปฏิบัติ เพื่อให้เข้าถึง “วิถี พอเพียง” อย่างแท้จริง การเป็นหมู่บ้าน…การเป็นชุมชน…ที่เข้มแข็ง ย่อมเกิดขึ้นไม่ ได้ถ้าไม่มี ’ผู้นำาชุมชน“ที่เข้มแข็งด้วยเช่นกัน!!
“ชูชาติ วรรณขำา” ผู้ใหญ่บ้าน จากบ้านนำ้าทรัพย์ แห่งนี้ ได้กลาย เป็นบุคคลสำาคัญ ที่เป็นผู้จุดพลุ เป็นผู้นำาสร้างพลังให้ชุมชน ทำาให้บ้าน นำ้าทรัพย์สามารถก้าวเดินอย่างเข้มแข็งมาจนถึงทุกวันนี้ จากเดิมที่ชาว บ้านมีรายได้ปีละ 20,000-30,000 บาท จากการปลูกข้าวโพด ปลูกฝ้าย ที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียงปีละ 2 ครั้ง
แต่…เวลานี้ชาวบ้านกลับมีรายได้มากถึงปีละ 2-3 แสนบาท เพราะหันมาปลูกพืชผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นมะนาว กล้วยหอม มะเขือ กระเจี๊ยบ พริก และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สร้างรายได้ให้ทุกวัน เรียกได้ ว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่ “ปลอดคนยากจน” กันทีเดียว
“แก้ปัญหายาเสพติด–ใช้ชีวิตตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง-รักษา ทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้” เป็นหลักการดำาเนินงานสำาคัญของผู้ใหญ่ ชูชาติ และบรรดาชาวบ้านนำ้าทรัพย์ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงให้พื้นที่กว่า 14,000 ไร่ กลายเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์ เป็นพื้นที่ที่ปลอดยาเสพติด เป็น พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความสุข จากการใช้ชีวิตพอเพียงแบบ 100% จนไม่มี การย้ายถิ่นฐานหนีหายไปไหนกันอีก” ไม่เพียงเท่านี้… ผู้ใหญ่ชูชาติ ยังยำ้าอีกด้วยว่า เป้าหมายสำาคัญ คือ ต้องทำาให้บ้านนำ้าทรัพย์แห่งนี้เป็นหมู่บ้านแห่งการเรียนรู้ ส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเพิ่มความ เข้มแข็งให้กับชุมชนมากยิ่งขึ้น
แต่เดิม..บ้านนำ้าทรัพย์ เป็นหมู่บ้านที่ประสบปัญหาเขาหัวโล้น เนื่องจากปัญหาการบุกรุก แผ้วถางป่าเพื่อขยายพื้นที่การปลูกข้าวโพด รวมถึงการเข้ามาตัดไม้ทำาลายป่าของคนนอกพื้นที่ ขณะเดียวกันยังมี ปัญหาเรื่องยาเสพติด เนื่องจากเยาวชนในหมู่บ้าน กลายเป็นทั้งผู้เสพ ผู้ค้า สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้น ทำาให้ชาวบ้านกลายเป็นหนี้ ทำาอะไรก็ล้ม เหลว บางครอบครัวต้องไปทำามาหากินกันนอกพื้นที่ เพื่อยังชีพ
ด้วยเหตุนี้…จึงกลายเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลง การ พัฒนาบ้านนำ้าทรัพย์ ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 40 แต่ปัญหาก็ยังไม่จบสิ้น เพราะสารพัดโครงการพัฒนาที่เข้ามา ไม่ตรงกับความต้องการ ไม่ตรง กับจริตของชุมชน ผู้ใหญ่บ้านจึงได้วางแผน ได้หารือร่วมกับคนใน ชุมชน เพื่อหาทิศทางการพัฒนาหมู่บ้านของตนเอง
ผู้ใหญ่ชูชาติ บอกว่า ได้เริ่มต้นวางแผนพัฒนาหมู่บ้านกันใหม่ เริ่มจากการทำาแผนชุมชนร่วมกัน โดยได้ศึกษาว่า ปัญหาที่แท้จริงของ ชุมชนคืออะไร ชุมชนมีศักยภาพด้านไหน ขณะเดียวกันก็ไปเรียนรู้จาก ภายนอก จากนั้นจึงกำาหนดเป้าหมายของชุมชน ด้วยการน้อมนำาหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เข้ามาประยุกต์ เพื่อพัฒนาชุมชน ทำาให้ ชาวบ้านมีชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หัวใจสำาคัญของการทำางาน ของ การพัฒนาหมู่บ้าน คือต้องทำาให้เกิดความเชื่อมโยงกันของคนในหมู่บ้าน ทั้งเรื่องของการตัดไม้ทำาลายป่า การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดใน หมู่ลูกหลานชุมชน มีการจัดกิจกรรมหมู่บ้านปลอดยาเสพติด การร่วมกับ ชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำารง ชีวิต จนในที่สุดก็สามารถฟื้นฟู และอนุรักษ์ป่าโดยรอบของชุมชน รวม ทั้งขยายเครือข่ายป้องกัน และไม่บุกรุกป่าไปยังชุมชนใกล้เคียง
ไม่เพียงเท่านี้… ยังได้น้อมนำาศาสตร์พระราชา มาใช้เป็นหลักใน การพัฒนาหมู่บ้าน ทั้งการเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ให้มีการระเบิดจาก ข้างใน ให้ชาวบ้าน ให้ชุมชน ได้รู้จักอย่างแท้จริงว่าตัวเองต้องการอะไร และต้องทำาอย่างไร ทำาความรู้จัก ทำาความเข้าใจกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ให้ได้อย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างไร โดยแนวทางพัฒนาเริ่มตั้งแต่บริหารคน… ที่เน้นให้จัดตั้งกลุ่มอาชีพ เพื่อลดรายจ่าย สร้างรายได้ให้ชุมชน ที่สำาคัญ… การผลิตสินค้าแต่ละครั้ง ต้องมีการเรียนรู้ มีการต่อยอดสำาหรับผลิตภัณฑ์ กระจายไปยังนอกหมู่บ้าน โดยยึดหลักทุกคนต้องมีส่วนได้ส่วนเสียเท่ากัน
ขณะเดียวกัน ต้องมีการลดต้นทุนการเกษตรให้กับชาวบ้าน ซึ่งปัจจัยหลัก คือการลดใช้สารเคมี โดยทดลองนำาพืชสมุนไพรที่มีอยู่ ในชุมชนนำาไปกลั่น เพื่อให้ได้หัวเชื้อ ก่อนนำาไปใช้จริง และขยายผล ต่อยอด พัฒนาการให้สารอาหารแก่พืชผัก ด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น ซึ่งทำาให้ลดต้นทุนกว่า 10% ของรายได้ ที่สำาคัญ ยังเป็นพืชผักปลอดสารพิษ ที่ดีต่อทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน ด้วยการเริ่มต้นจาก เรื่องการบริโภค โดยเฉพาะการกินพืชผักปลอดสารพิษ ลด ละ เลิกการ ดื่มนำ้าอัดลม และหันมาดื่มนำ้าสมุนไพรแทน จากนั้นก็เชื่อมโยงไปสู่การ จัดตั้งสหกรณ์ เพื่อการออมในชุมชน โดย นำาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ โดยเฉพาะเรื่องของการออม เพื่อให้มี แหล่งเงินทุนที่คนในชุมชนสามารถเข้า ถึง และยังสามารถเป็นสวัสดิการใน พัฒนาคุณภาพชีวิตและดูแลคนในชุมชน โดยให้คนในชุมชนเองเป็นผู้บริหาร จาก ทุนเริ่มต้นเพียง6,120 บาท จากชาวบ้าน เริ่มต้นทีี่ 42 คน แต่ปัจจุบันมีเงินออม มากถึง 67 ล้านบาทแล้ว
การพัฒนาบ้านนำ้าทรัพย์ ไม่ใช่มี เพียงเท่านี้… ผู้ใหญ่ชูชาติ ชี้ให้เห็นอีกว่า ในเมื่อสามารถพัฒนาจนเกิดความเข้ม แข็งได้ขนาดนี้แล้ว จำาเป็นต้องมีการ ต่อยอดโดยเฉพาะในเรื่องของการท่อง เที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยใช้ “ม้า” เป็น แรงดึงดูด โดยชุมชนจัดให้มีการขี่ม้า บริเวณรอบชุมชน เพื่อสัมผัสธรรมชาติ ต้นไม้ ป่าเขา โดยให้เยาวชนในชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม ทั้งการดูแล และเลี้ยงม้า การแสดงโชว์ การจัดที่พัก อาหาร และการนำาเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ รวมถึงการป้องกันเยาวชนใน กลุ่มเสี่ยง เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งกับยาเสพ ติด รวมทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้เพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
ผู้ใหญ่บ้านนำ้าทรัพย์ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า กว่าที่บ้านนำ้าทรัพย์จะเป็น อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ เป็นเรื่องที่ยากมาก การพัฒนาให้ครอบคลุมทั้ง
หมู่บ้านได้ ต้องใช้วิธีการ ’ครัวเรือนต้นแบบ“และ “คนต้นแบบ” เพื่อ ให้ขยายผลได้ เมื่อชาวบ้านเห็นผลสำาเร็จ แล้วจึงหันมาทำาตาม
ที่สำาคัญ…งานพัฒนาที่ทำามาทั้งหมดจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ แต่ ต้องขยายผลจากหมู่บ้านไปสู่โรงเรียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ไม่ว่าจะ เป็นเรื่องการทำาบัญชีครัวเรือน การออม การจัดตั้งกลุ่มอาชีพ เพราะ สุดท้ายแล้ว เมื่อทุกคนเกิดการเรียนรู้ ชาวบ้านเห็นทิศทางเดียวกัน สุดท้ายแล้ว…หมู่บ้านหรือชุมชนนั้น ๆ ก็จะเกิดความเข้มแข็งและมี ความสุขเช่นเดียวกับ “บ้านนำ้าทรัพย์”แห่งนี้!!!.