อาการโปรตีนรั่วทางปัสสาวะ ทำ�ให้ผู้ป่วยตัวบวมผิด ปกติ และไม่สามารถใช้ชีวิตประจ �ำวันได้เหมือนกับคนทั่วไป จำ�เป็นต้องได้รับการรักษา โดยภาวะดังกล่าวยังส่งสัญญาณ ถึงความผิดปกติของไต ซึ่งอาจนำ�ไปสู่ภาวะไตวายในอนาคต ได้อีกด้วย
อาการโปรตีนรั่วทางปัสสาวะ ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบ ได้ใน เป็นสัญญาณที่แสดงถึงโรคไต ชนิดหนึ่งที่มีการขับโปรตีนชนิดที่เรียกว่าอัลบูมินออกมาทาง ปัสสาวะมากกว่าระดับปกติ ทำ�ให้เกิดอาการตัวบวมตามมา และ พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ซึ่งอาการบวมที่เกิดจากโปรตีนรั่ว จำ�เป็นต้องได้รับการรักษา
กลุ่มอาการเนฟโฟรติก เป็นความผิดปกติของไตที่ยัง สามารถกรองของเสียได้อยู่ แต่มีการรั่วของโปรตีนออกมาใน ปัสสาวะมากเกินไป วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นที่สำ�คัญ คือ อาการบวมของ ร่างกาย อาจดูปริมาณปัสสาวะว่ามีความเปลี่ยนแปลง คือ ลดลงจากปกติ หรือผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าเวลาปัสสาวะในสุขภัณฑ์ที่มีน ้�ำ จะเกิดฟองมาก ขึ้น และฟองนั้นคงอยู่ได้นานกว่าปกติ อาการที่กล่าวมาข้างต้นอาจเป็น สัญญาณของอาการโปรตีนรั่วทางปัสสาวะได้ สเตียรอยด์ ซึ่งเป็นยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษาคนไข้เนฟโฟรติก หากมีการ ตอบสนองต่อตัวโรคได้ดี แพทย์จะค่อย ๆ ลดยากระทั่งหยุดให้ยา แต่ถ้าหาก ผู้ป่วยตอบสนองต่อการรักษาไม่ดี แพทย์ไม่สามารถหยุดการใช้ยาสเตียรอยด์ ได้ จำ�เป็นต้องใช้ยากดภูมิต้านทานอื่น ๆ ร่วมด้วยต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการรักษาแบบประคับประคองซึ่งส�ำคัญมาก โดย เฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่คนไข้มีอาการบวมมาก เพราะถึงแม้จะมีการให้ยา จ�ำเพาะส �ำ หรับการรักษาโรค แต่คนไข้อาจไม่ตอบสนองทันที โดยส่วนใหญ่ ต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป อาการบวมจึงจะยุบตัวลง ในแง่ของการรักษา แบบประคับประคอง ประกอบด้วย การจ �ำกัดอาหารรสเค็ม อาหารรสจัด อาหารที่ปรุงด้วยเกลือปริมาณมาก เนื่องจากเกลือจะทำให้ตัวบวมมากขึ้น � ส่วนในแง่ของอาหารอื่น ๆ เช่น โปรตีน คนไข้ยังสามารถทานได้ตามความ เหมาะสมของช่วงอายุคนไข้ นอกจากนี้ผู้ป่วยต้องรักษาสุขลักษณะต่าง ๆ ให้ ดี เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อ
ความส�ำคัญของการรักษาคือเรื่องการกินยาตามค�ำแนะน�ำอย่าง สม่�ำเสมอ ไม่ควรหยุดยาหรือเพิ่มยาเอง หากมีปัญหาต้องรีบติดต่อแพทย์ เพื่อวางแผนปรับยาโดยเร็ว นอกจากนี้คนไข้ควรดูแลเรื่องการรับประทาน อาหารที่สุกสะอาด เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หรือ อาหารที่ปรุงด้วยเกลือปริมาณมาก เพราะจะทำ�ให้ตัวบวมมากขึ้น ทั้งยังกระตุ้น ความดันเลือดให้สูงขึ้น.