เ
จ้าหญิงเบียทริซไม่ต้องมองหาใครที่ไหนไกลเมื่อมี พระประสงค์อยากรับคำแนะนำเกี่ยวกับการควบคุม พระกระยาหารในแต่ละวัน เจ้าหญิงทรงนับกาเบรียล่า พีค็อกว่าเป็นหนึ่งในพระสหายสนิทและทรงเป็นแม่ ทูนหัวของไอริส บุตรสาวของกาเบรียล่าอีกต่างหาก
กาเบรียล่ามีชื่อเสียงในฐานะนักโภชนาการหลวงที่ ว่ากันว่าเป็นเธอผู้นี้ที่ช่วยคุมพระกระยาหารแก่เจ้าชาย แฮร์รี่และเจ้าหญิงยูจินี พระภาดาและพระกนิษฐา เพื่อ ให้ทั้งสองทรงพระสิริโฉมที่สุดก่อนเข้าพระราชพิธีเสก สมรสในปี 2018 งานนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากาเบรียล่า จะมีบทบาทอีกครั้งในการช่วยดูแลเรื่องพระกระยาหาร รายวันแก่เจ้าหญิงเบียทริซก่อนจะทรงเข้าพระราชพิธี เสกสมรส
นักโภชนาการหลวงวัย 40 ปี กล่าวกับ HELLO! ว่า “ฉันชอบช่วยเพื่อนๆ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะถึงวัน สำคัญต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งเจ้าหญิงเบียทริซทรงเป็นหนึ่ง ในเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน และเราทุกคนต่างก็ตื่นเต้นไป กับพระองค์ด้วย”
ตามกำหนดเดิมเจ้าหญิงเบียทริซจะทรงเข้าพระราช พิธีเสกสมรสกับเอดูอาร์โด้ มาเปลลี มอซซีที่โบสถ์หลวง ในพระราชวังเซนต์เจมส์ในวันที่ 29 พฤษภาคม ทว่า ทรงต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ทำให้เจ้าหญิงจะทรงมีเวลามากขึ้นในการปรุง อาหารสุขภาพในที่ประทับและปรับเมนูในพระราชพิธี เสกสมรส ซึ่งมีแนวโน้มว่าน่าจะมีเมนูพืชผักอย่างเยอะ
แล้วมื้ออาหารประจำวันในอุดมคติของว่าที่เจ้าสาว นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร กาเบรียล่าเผยเมนูรายวันให้ ดังนี้
6.00 - 9.00 น. มื้อเช้าดุจราชา “กินมื้อเช้าในปริมาณ ที่ช่วยเติมพลังให้คุณได้” กาเบรียล่ากล่าวว่าควรรับ ประทานไข่กับผัก ขนมปังไรย์หรือผลไม้ โจ๊กโปรตีน กราโนล่าซึ่งมีธัญพืชสูงและกินกับโยเกิร์ตแบบไม่หวาน
11.00 - 12.00 น. มื้อเที่ยงเยี่ยงราชินี กาเบรียล่า แนะนำให้เน้น “แหล่งโปรตีนลีนที่ไม่มีไขมันส่วนเกิน ผักและธัญพืชไม่ขัดสี” ตัวอย่างเมนูที่มีครบทุกอย่างที่ นักโภชนาการหลวงแนะนำก็คือผักกับไก่ เต้าหู้หรือปลา และควินัว ข้าวกล้องหรือมันเทศ กาเบรียล่ายังบอกด้วย ว่าเป็นความคิดที่ดีถ้าลองทำน้ำสลัดเองด้วยวัตถุดิบ อย่างแอปเปิ้ลไซเดอร์กับสมุนไพรสดๆ
16.00 - 17.00 น. ของว่างยามบ่าย มื้อนี้กาเบรียล่า ยืนกรานว่าของว่างเป็น “วิธีที่ดีมากที่จะช่วยรักษา ระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งจะช่วยไม่ให้วูบเพราะพลังตก” ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์หวานๆ โดยมีตัวเลือกที่ดี กว่าอย่างของว่างประเภทโปรตีน เช่น ชีสอัดเม็ด 1 ชิ้น กับผลไม้ โยเกิร์ต ถั่วหรือเมล็ดพืช 1 กำมือเล็กๆ โปรตีน เชก เนยถั่วและแอปเปิ้ลฝาน ฮัมมัมและครูดิเตส์ ซึ่งก็ คืออาหารดิบพวกผักสดต่างๆ
18.00 - 20.00 น. มื้อค่ำอย่างคนยาก (ไร้) “รับ ประทานมื้อเย็นให้น้อยกว่ามื้อเที่ยงและมื้อเช้า” กาเบรียล่าแนะ อาหารที่เหมาะกับมื้อนี้ เช่น ปลาเนื้อ ขาว เต้าหู้หรือไก่งวงกับผักต้ม รวมไปถึงผักใบเขียว ต่างๆ ซึ่งช่วยให้ได้สารอาหารครบถ้วน
ทั้งนี้เจ้าหญิงเบียทริซอาจจะต้องทรงสับเปลี่ยน อาหารจำพวกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม เนื่องจากทรง หันมาเสวยอาหารวีแกน ในปีที่ผ่านมาเจ้าหญิงว่าที่ เจ้าสาวทรงจัดงานเลี้ยงฉลองพระชันษาครบ 31 ปีโดยที่ อาหารทั้งหมดมีพืชผักเป็นหลัก หรือว่าเค้กในพระราช พิธีเสกสมรสอาจจะเป็นเค้กวีแกนด้วยเหมือนกัน
ส่วนเคล็ดลับเพิ่มเติมอื่นๆ มีคำแนะนำที่กาเบรียล่า เน้นย้ำอยู่เสมอว่า อย่าทำอะไรเวอร์วัง “วันแต่งงานคือ ช่วงเวลาแห่งความสุขสำราญ” นักโภชนาการหลวงว่า “ไม่ใช่เวลาจะมานั่งเข้มงวดเป็นการฝึกทหาร คุณไม่ได้ อยากจะหิวไส้กิ่วทั้งช่วงก่อนและในวันแต่งงานเสีย หน่อย” กาเบรียล่ายังย้ำนักย้ำหนาด้วยว่างดไปเลยกับ การรับประทานเป็นหมู่คณะ ขณะที่เรื่องของมึนเมา เธอ บอกว่าดื่มไวน์ไม่กี่แก้วต่อสัปดาห์ก็ไม่ถึงกับทำให้คุณ ตาค้างนอนไม่หลับ
ส่วนเรื่องระยะเวลา กาเบรียล่าเสนอว่ากินไปยาวๆ ดีกว่ากินดีแบบเร่งรัด “นักโภชนาการต้องใช้เวลาอย่าง น้อย 2 - 3 เดือนก่อนวันแต่งงานเพื่อตรวจวิเคราะห์ สุขภาพตับและค่อยๆ ปรับให้สุขภาพดีขึ้นด้วยการมี โปรไบโอติกส์ที่เหมาะสม” กาเบรียล่ากล่าว “แบคทีเรีย ในตับที่ดีนั้นสำคัญมากเพราะช่วยไม่ให้ท้องอืดหรือไม่ สบายตัวในวันแต่งงาน” กาเบรียล่าไม่แนะนำให้เปลี่ยน เมนูอาหารเมื่อเวลาผ่านมาถึงช่วง 2 - 3 สัปดาห์ก่อน วันแต่งงาน “การเปลี่ยนแปลงปุบปับหรือเปลี่ยนแบบ หน้ามือเป็นหลังมือไม่ส่งผลดีต่อการควบคุมอาหาร เพราะอาจไปขัดขวางกระบวนการสร้างสุขภาพที่ดี ผลที่ อาจตามมาอาจเป็นได้ตั้งแต่ท้องอืด อ่อนเพลีย หรือเกิด การอักเสบต่างๆ ได้ “เลือกหนทางที่สมดุลดีกว่าหนทาง ที่สุดโต่ง ซึ่งอาจไปเพิ่มความเครียดโดยไม่จำเป็น”
เมอ่ื คณุ จดั การเรอ่ื งการบรโิ ภคอาหารไดแ้ ลว้ กาเบรยี ลา่ เสนอแนะให้รับประทานอาหารเสริมบางชนิดที่ให้ ประโยชน์ต่อการควบคุมอาหารที่ดียิ่งขึ้น เช่น โอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงผิวและผม วิตามินบีช่วยรักษา ระดับพลังงานของร่างกาย แมกนีเซียมเพื่อการนอน หลับอย่างมีคุณภาพ และ GP Nutrition Gold ที่ทั้งส่วน ผสมของวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ ซูเปอร์ฟู้ด และโปรตีน ในหนึ่งเดียว
แถมด้วยเทคนิคที่ทำตามได้ไม่ยากจากกาเบรียล่าให้ คุณไดเอตไปพร้อมๆ กับเจ้าหญิงเบียทริซที่ทรงเตรียม พระสรีระให้เพรียวเพื่อเตรียมเข้าพระราชพิธีเสกสมรส ด้วยพระพลานามัยที่ดี
คนเราเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไปจะสูญเสียวอลุ่มใต้ชั้นผิวหนัง เช่น คอลลาเจน ไขมัน กล้ามเนื้อ และมวลกระดูก รวมปีละ 5 ซีซี และมากขึ้นในทุกๆ ปี จากทั้ง ขอบหน้า ขมับ โหนกแก้ม ร่องแก้ม ใต้ตา ร่องน้ำหมาก และร่วมไปถึงเส้นคาง ทำให้ เกิดความหย่อนคล้อยและดูอายุมากขึ้นอย่างชัดเจน สารเติมเต็ม (Filler agent) จึงถูก พัฒนามานานกว่า 40 ปี และมีกว่า 20 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีความเหมาะสม กับแต่ละบุคคลต่างกัน
ทั้งนี้จากข้อมูลขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ประเภทของฟิลเลอร์ เป็น 3 กลุ่มดังนี้
1. กลุ่มฟิลเลอร์ชั่วคราว ฟิลเลอร์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สลายตัวได้เองภายในระยะเวลา 3 ถึง 9 เดือน เป็นที่รู้จักกันดี เช่น Hyaluronic Acid (HA) ใช้สำหรับให้ความ ชุ่มชื้น ลดริ้วรอย เติมเต็มรอบดวงตาและริมฝีปาก HA Filler มีหลายยี่ห้อในท้อง ตลาดมากกว่า 300 แบรนด์ และมีสารเฉพาะในการสลาย คือ Hyaluronidase ตัวอย่าง HA Filler ที่นิยมกันปัจจุบัน ได้แก่ Restylane (เป็นแบรนด์แรกๆ ของ HA จากประเทศ สวีเดนตั้งแต่ปี 2003 และเป็นชื่อที่คุ้นหูของกลุ่ม HA ไปโดยปริยาย), Juvederm (ผ่าน USFDA ตั้งแต่ปี 2004, USA) Perfectha, Belotero รวมไปถึงแบรนด์ระดับโลกที่อาจจะ ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทย เช่น Prevelle (กำเนิดขึ้นเมื่อปี 2008 ซึ่งเป็น HA ตัวแรกๆ ที่มียาชาผสม) Stylage เป็นต้น ในปัจจุบัน HA ที่มีการปรับสูตรเพิ่มสารอื่นเข้ามาเพื่อ ผลลัพธ์เฉพาะทาง (Individual) มากขึ้น เช่น Neauvia (ผ่าน EUFDA ปี 2015 มีส่วน ผสมของ PEG (Polietilen Glycol เพื่อให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับฟิลเลอร์ประเภทกึ่ง ถาวรมากขึ้น
นอกจาก HA แล้ว คอลลาเจน ยังเป็นสารเติมเต็มจากสิ่งมีชีวิตที่มีมามากว่า 40 ปี โดยผลิตจาก วัว มนุษย์ หมู ตามลำดับปีที่ผ่าน USFDA ซึ่งในปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไป หมดแล้วเพราะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้สูง
Platelet-rich Plasma (PRP) คือ การสกัดเอาเกล็ดเลือดส่วนที่เป็นของเหลวหรือน้ำ เลือด (Plasma) ซึ่งอุดมไปด้วยเกล็ดเลือด (Platelet) มีทั้งโปรตีนและเสต็มเซลล์จาก เลือด สร้างเป็นสารเติมเต็ม และสามารถนำมาผสมสารเติมเต็มอื่นๆ เพื่อใช้ในการ รักษาซ่อมแซมเนื้อเยื่อ โดยคุณภาพขึ้นจะอยู่กับเครื่องปั่นเพื่อคัดแยกในแต่ละยี่ห้อ เช่น Eclipse และ Emcyte ในสหรัฐอเมริกา
ไขมัน เป็นสารเติมเต็มที่ผ่านการดูดออกมาจากร่างกาย (โดยการ Harvest) เป็นที่ นิยมเนื่องจากราคาถูกและได้ปริมาณมาก ในการใช้อาจมีการผสมกับ PRP เพื่อให้ ผลลัพธ์ในการปลูกถ่ายยาวนานขึ้น หรือใช้เครื่องกรอง Autologous Cellular Matrix (ACM) ทำให้ Particle อนุภาคเล็กลงและสม่ำเสมอมากขึ้น เมื่อเติมเข้าไปแล้วจะไม่ ทำให้ผิวขรุขระเป็นคลื่น
2. กลุ่มฟิลเลอร์กึ่งถาวร มีกลไกหลักๆ ใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมา ใหม่ (Neocollagenesis) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น แต่สารเติมเต็มชนิดนี้ยังคงมี กลไกการสลายตัวเองตามธรรมชาติ แบรนด์ที่เป็นที่นิยมและใช้ได้อย่างแพร่หลายทั่ว (USFDA)
ได้แบ่ง โลกในปัจจุบัน ได้แก่ Sculptra (จากบริษัท Galderma ผู้ผลิต Restylane เป็นฟิลเลอร์ ตัวแรกที่ฉีดได้ในผู้ติดเชื้อ HIV ผ่าน USFDA ปี 2004) Radiesse (จากบริษัท MERZ ผู้ผลิต Ulthera ผ่าน USFDA ปี 2006) และ Ellanse เป็นต้น ในต่างประเทศนิยมใช้ ฟิลเลอร์กึ่งถาวร สำหรับการเติมเต็มริ้วรอย ใบหน้าที่เหี่ยวแห้ง ทดแทนไขมันและ กล้ามเนื้อที่สูญเสียตามวัยปริมาณมาก และส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น มือ บั้นท้าย และหน้าอก
3. กลุ่มฟิลเลอร์ถาวร คือกลุ่มสารเติมเต็มชนิดไม่สลายตัว ในประเทศไทยเป็นที่ รู้จักอยู่ 2 ประเภท คือ Silicone (เคยเป็นที่นิยมในประเภทถาวร แต่ในปัจจุบันถูก ยกเลิกจากองค์การอาหารและยาในหลายประเทศและหมดความนิยมไปในที่สุด) และ Polymethylmethacrylate Micro sphere (PMMA) เช่น Artefill และ Bellafill ผ่าน USFDA ปี 2015
ในปัจจุบันองค์การอาหารและยาของแต่ละประเทศได้มีการยอมรับให้ใช้ชนิดของ สารเติมเต็มแตกต่างกันไปในแต่ละประเภท รวมไปถึงวิธีการฉีดฟิลเลอร์แต่ละ ประเภท ต้องใช้เทคนิคเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน รวมถึงการคาดคะเนระยะเวลาของ ผลลัพธ์รวมถึงการเติมซ้ำของสารเติมเต็มแต่ละชนิด โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทั้ง ปริมาณ สัดส่วนที่หายไป เช่น กระดูก กล้ามเนื้อ ไขมัน และความสวยงามของแต่ละ บุคคล
สารเติมเต็มสามารถใช้ได้กับผิวหนังทั่วไป บนใบหน้า ลำคอ และทุกบริเวณของ ร่างกาย ตามชนิดในแต่ละประเภท ดังนั้นดุลยพินิจของแพทย์จึงมีความสำคัญมาก เริ่มตั้งแต่การประเมินปัญหาคนไข้ การหาประเภทของสารเติมเต็มที่เหมาะสม วิธีการ ฉีดรวมถึงอุปกรณ์การฉีด ซึ่งความแม่นยำทั้งหมดนี้ต้องอาศัยทั้งความรู้พื้นฐานใน ด้านการแพทย์เกี่ยวกับกายภาพมนุษย์ (anatomy) และศิลป์ เพื่อการปรับปรุงส่วนที่ บกพร่อง เติมความงาม ความอ่อนเยาว์ และคงอัตลักษณ์ความเป็นธรรมชาติของ บุคคลนั้นๆ ไว้พร้อมกัน