‘กุ๊กกุ๊กได้ยินคนอื่นพูดมาตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งจะรู้สึกว่าเราต้องเป็นหลักให้เขา เราตายไม่ได้ เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เลย’
เกิดพร้อมกันอีก
“ไกค่ ดิ วา่ สมยั กอ่ นเลย้ี งลกู งา่ ยกวา่ สมยั น้ี (หวั เราะ) เพราะไม่มีสิ่งยั่วยุมากเท่า อย่างหลานย่าเห็นคนเล่น โทรศัพท์ เขาก็จะรีบบอกเลยว่าอย่าเล่น เพราะเขาจำ ได้ว่าเราห้ามอะไรเขา”
คุณกุ๊กกุ๊กเองยอมรับว่าตัวเองโชคดีที่เพื่อนๆ มี ลูกกันหมดแล้ว เธอจึงมีที่ปรึกษามากมาย โดยเฉพาะ คุณเข็ม
“จรงิ ๆ กกุ๊ กกุ๊ โชคดที เ่ี พอ่ื นๆ และทกุ คนทร่ี จู้ กั รอบตวั มลี กู กนั หมดแลว้ รทิ จะเดก็ กวา่ ลกู เพอ่ื นๆ ทก่ี กุ๊ กกุ๊ สนทิ ประมาณ 4 - 5 ปี เพราะกกุ๊ กกุ๊ แตง่ งานชา้ มอี ะไรเราก็ โทร.ถาม ทุกคนก็ให้คำแนะนำตั้งแต่ตอนท้อง กุ๊กกุ๊กก็ ทำตามเขามาตลอด ถึงได้รู้ว่าอ๋อ...เขาทำกันแบบนี้ ก็ แบบนแ้ี หละ อยา่ งเขม็ จะใหล้ กู กนิ เอง เรากพ็ ยายามฝกึ รทิ บา้ ง แตก่ ลวั รทิ ไดส้ ารอาหารนอ้ ย กเ็ ลยตอ้ งปอ้ นบา้ ง ไม่ได้ทำตามเสียหมด แต่นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับลูก เรา การมลี กู ชา้ กด็ อี ยา่ งตรงทข่ี องบางอยา่ งกไ็ มต่ อ้ งซอ้ื อยา่ งเตยี งหรอื ของเลน่ อยา่ งเลโกก้ ไ็ ดร้ บั ชว่ งตอ่ จากนอ้ ง เตช ลกู นอ้ งแวว (ธรี วลั ค์ุ เตชะอบุ ล)”
สร้างเสริมวิชาชีวิต
คุณกุ๊กกุ๊กบอกเราว่า แม้ว่าน้องริทจะยังเด็กนัก แต่ คุณพ่อบิ๊กผู้เป็นสามีก็ยังพยายามปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ การศึกษาให้กับลูกชายอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เธอ จึงพยายามถ่วงดุลนี้ ด้วยการพยายามชวนลูกเล่น
“คุณพ่อเขาสนใจเรื่องการศึกษามาก จะต้องให้ลูก เรียนโน่นเรียนนี่ อยากให้เรียนเก่ง ด้วยความที่พ่อเขา ชอบสอน แล้วอาจจะสอนเยอะเพราะพ่อเขาเป็นคน เป๊ะ สอนแล้วต้องตั้งใจสอนแบบจริงจัง สอนตัวโน้ต สอนตัวเลข”
“ริทจะชอบอ่านหนังสือมาก เวลาเห็นตัวอักษร ABCD 1234 เขาจะรีบบอก แล้วเวลาคนชมว่าเก่ง เขา จะทำหน้าภูมิใจมาก” คุณยายเสริม
“กุ๊กกุ๊กกะว่าเรื่องอะไรหนักๆ ก็ให้พ่อเขาวางแผน เลย ถ้าเราหนักอีกคนจะหนักเกิน กลัวเขาจะเนิร์ดไป แม่ต้องพาเล่นสนุกบ้าง กุ๊กกุ๊กก็จะเล่นวิ่งไล่จับกับลูก พาเล่นกีฬาแทน แต่สิ่งที่เราเห็นตรงกันคือ เราจะไม่ เลี้ยงลูกด้วยจอเลย จะให้เขาอ่านหนังสือ ตอนนี้ กุ๊กกุ๊กก็พูดภาษาไทยกับเขา แต่ถ้าอ่านหนังสือจะเป็น ภาษาอังกฤษ เขาไม่รู้เรื่องก็ช่าง อ่านไปเรื่อยๆ ส่วน บิ๊กซึ่งพูดภาษาจีนได้นิดหน่อย ก็พูดภาษาจีนกับลูก เพราะอยากให้ลูกได้ภาษาจีนด้วย
“อนาคตคิดว่าคงให้เขาเรียนโรงเรียนนานาชาติ เพราะยุคนี้ต้องเรียน อาจจะด้วยระบบการเรียนการ สอนที่ดี กุ๊กกุ๊กก็ไม่ทราบ เพราะเราเรียนโรงเรียนไทย มา เห็นเขาเรียนนานาชาติกันเอ้าเรียนก็เรียน แต่ อยากให้เขารู้ภาษาไทยด้วย แต่บิ๊กอยากให้เขาเรียน ไฮสคูลที่อเมริกา ตอนนี้เขาเพิ่งขวบกว่าก็ยังพอมีเวลา เรามีลูกคนอื่นเป็นตัวอย่าง เลยไม่ซีเรียสเรื่องนี้มาก”
สำหรับของรับขวัญหลานชาย คุณยายไก่เตรียม อะไรให้นั้น ท่านเฉลยว่า “จริงๆ ยังไม่ค่อยให้อะไร หลานเท่าไรเลยค่ะ (หัวเราะ) ก็ให้สายสร้อยพระ ธรรมดา แล้วก็พาครอบครัวกุ๊กกุ๊กไปญี่ปุ่น เป็นทริป สุดท้ายก่อน Covid-19 พอดี เขายังเล็กอยู่ ก็เลยอยู่แต่ ในโตเกียว ไปเที่ยวสวนต่างๆ ไปนอกเมืองวันหนึ่ง แล้วก็ไปสวนสัตว์อีกนิดหน่อย จะสปอยล์หลานด้วย การซื้อของเล่นกับเสื้อผ้าให้ แต่ไม่ค่อยสปอยล์ในแง่ กรี๊ดปั๊บต้องรีบให้ ไม่ใช่”
ถามว่าคุณกุ๊กกุ๊กจะเริ่มมีลูกอีกคนเมื่อไรดี “ตอนนี้ กกุ๊ กกุ๊ กอ็ ายุ 39 แลว้ ถา้ โชคดมี ไี ดก้ อ็ ยากมลี กู อกี สกั คน เหมือนกัน เพราะว่าตอนนี้พอกุ๊กกุ๊กโตขึ้น รู้สึกดีใจที่ ตัวเองมีน้องเพราะเหมือนเป็นเพื่อนกัน ทั้งที่ตอนเด็กๆ ชอบทะเลาะกนั ทำใหโ้ ดนคณุ แมด่ เุ รอ่ื งนบ้ี อ่ ยๆ คะ่ ”
คุณกุ๊กกุ๊กปิดท้ายคำพูดด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ พลางหันไปมองใบหน้าอูมๆ ของน้องริทด้วยแววตา รักใคร่ โดยมีคุณยายไก่นั่งมองลูกสาวและหลานชาย ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ครอบครัวที่สมบูรณ์ด้วยคนสาม รุ่น และในอนาคตจะมีรุ่นที่สี่ รุ่นที่ห้าต่อๆ ไป เป็นสาย เลือดที่ไม่มีวันจาง